จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (research platform) ในประเทศไทยจำนวน 200 คน พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับทัศนคติ ความต้องการ และความคาดหวังต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
มาตรการส่งเสริมจากภาครัฐส่งผลอย่างไร? แม้ว่ามาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย แต่การรับรู้เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ยังมีความแตกต่างกัน โดยพบว่า:
- 39% ของผู้ตอบแบบสอบถามทราบเกี่ยวกับเงินอุดหนุน 150,000 บาทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่มากกว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- มีเพียง 27% ที่ทราบถึงเงินอุดหนุน 70,000 บาทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่ 10-30 กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ประมาณ 30% ทราบถึงเงินอุดหนุน 18,000 บาทสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงปี 2565-2566
- มีเพียง 27% ที่ทราบถึงการยกเว้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนไฟฟ้าสำคัญในช่วงปี 2565-2568
ที่น่าสนใจคือ มีถึง 34% ของประชากรที่ยังไม่ทราบถึงมาตรการสนับสนุนเหล่านี้เลย
อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้มีผลอย่างมีนัยสำคัญ โดย 54% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า เงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 45-54 ปี ที่มีสัดส่วนสูงถึง 74%
ในด้านของพฤติกรรมการชาร์จไฟของคนไทย กว่าครึ่ง (51%) ของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในไทยชาร์จรถหลายครั้งต่อสัปดาห์ โดยกลุ่มอายุ 45-54 ปี มีแนวโน้มชาร์จเพียงสัปดาห์ละครั้งในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอื่น (40%) และใช้สถานีชาร์จสาธารณะมากกว่า (50%) เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโดยรวม (38%)
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ (53%) ยังคงนิยมชาร์จที่บ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 25-34 ปี ที่มีสัดส่วนสูงถึง 69%
ส่วนด้านของความคิดเห็นต่อโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟ ส่วนใหญ่แล้วคนไทยมีความเห็นต่อโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟที่ค่อนข้างหลากหลาย โดย 48% ประเมินว่าอยู่ในระดับ 'ดี' 21% คิดว่า 'ยอดเยี่ยม' 28% มองว่า 'พอใช้' และ 4% คิดว่า 'แย่'
ซึ่งอุปสรรคสำคัญที่คนส่วนใหญ่กำลังพบเจอ ได้แก่:
- จำนวนสถานีชาร์จไม่เพียงพอ (64%)
- ระยะเวลารอคอยนาน (54%)
- ทำเลที่ตั้งไม่สะดวก (43%)
อย่างไรก็ตาม 44% ของผู้ตอบแบบสอบถามพอใจกับความพร้อมของสถานีชาร์จในพื้นที่ของตน โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ (16-24 ปี) มีความพึงพอใจมากที่สุด ด้วยสัดส่วน 28% ที่ 'พอใจมาก' เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโดยรวมที่ 16% ในขณะที่กลุ่มอายุ 45-54 ปี มีความไม่พอใจสูงสุด โดย 59% แสดงความไม่พึงพอใจ
ในด้านความเร็วในการชาร์จ พบว่า 50% พอใจกับความเร็วในการชาร์จที่สถานีสาธารณะ ขณะที่ 35% ไม่พอใจ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 45-54 ปี ที่มีความไม่พอใจสูงถึง 59%
ในเรื่องของความคาดหวังในอนาคตจากการทำสำรวจผ่านแบบสอบถาม สิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในไทยต้องการเห็นในอีก 5 ปีข้างหน้า ได้แก่:
- ความเร็วในการชาร์จที่สูงขึ้น (41%)
- จำนวนสถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้น (39%)
- ค่าใช้จ่ายในการชาร์จที่ลดลง (24%)
ทั้งนี้ 47% ของผู้ขับขี่มีความหวังว่ารัฐบาลจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น ในขณะที่ 28% ยังไม่แน่ใจ ซึ่งการตอบสนองความต้องการเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยต่อไป
ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของความคิดเห็นระหว่างกลุ่มอายุ และความท้าทายในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในอนาคต
บทความนี้นำเสนอโดย Milieu Insight ผู้นำด้านการวิจัยตลาดและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Survey Platforms) พร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้านการวิจัยที่ครบวงจร เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยข้อมูลที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ