ในการทำ Market Research การเก็บข้อมูลที่แม่นยำ และได้ Insight ที่มีความหมาย คือกุญแจสำคัญในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล (Informed decision-making) แต่ในเมื่อกลุ่มประชากรเป้าหมายมีความหลากหลายสูง แล้วผู้วิจัยจะมั่นใจได้อย่างไรว่า กลุ่มตัวอย่างที่เลือกมานั้นครอบคลุมทุกกลุ่มผู้บริโภคได้จริง?
หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยแก้โจทย์นี้คือ Stratified Sampling หรือ การสุ่มแบบแบ่งชั้น ซึ่งต่างจากการสุ่มแบบง่าย (Simple random sampling) ที่เลือกคนจากประชากรทั้งหมดโดยไม่สนใจคุณลักษณะใด ๆ เลย การสุ่มแบบแบ่งชั้นจะเริ่มจากการแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มย่อยตามคุณลักษณะร่วม เช่น อายุ รายได้ หรือพฤติกรรม จากนั้นจึงสุ่มจากแต่ละกลุ่มย่อยตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกกลุ่มได้มีตัวแทนในงานวิจัยในจำนวนที่เท่าเทียมกัน
Stratified sampling คืออะไร?

Stratified Sampling คือเทคนิคการสุ่มแบบอิงความน่าจะเป็นที่นิยมในการทำ Market Research โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละกลุ่มย่อยในกลุ่มประชากรเป้าหมาย (เช่น เพศ อายุ ระดับรายได้) ได้มีตัวแทนในงานวิจัยในจำนวนที่เท่าเทียมกัน นักวิจัยจะเริ่มจากการแบ่งกลุ่มจากคุณลักษณะที่มีร่วมกัน แล้วสุ่มกลุ่มตัวอย่างจากแต่ละกลุ่มย่อยตามสัดส่วนที่สะท้อนภาพรวมของประชากร วิธีนี้ช่วยเพิ่มความหลากหลายของข้อมูล ลด Sampling bias และเพิ่มความแม่นยำของ Insight ที่ได้ให้มากขึ้น
Stratified sampling แตกต่างจากการสุ่มแบบง่ายอย่างไร?
ทั้งสองวิธีเป็นการสุ่มแบบอิงความน่าจะเป็น แต่แตกต่างกันตรงที่ Simple random sampling จะสุ่มจากประชากรทั้งหมดโดยไม่มีการจัดกลุ่มก่อน ทำให้กลุ่มย่อยบางกลุ่มอาจไม่มีตัวแทนในงานวิจัยที่มากพอ ในขณะที่ Stratified sampling จะจัดกลุ่มประชากรล่วงหน้า (ผ่านคุณลักษณะต่าง ๆ ) แล้วสุ่มตามสัดส่วนที่กำหนด Stratified sampling จึงเหมาะมากสำหรับงานวิจัยที่ต้องการวิเคราะห์พฤติกรรมจาก Segment ที่หลากหลาย
Stratified sampling แตกต่างจาก Cluster sampling อย่างไร?
Stratified sampling จะเน้นการแบ่งกลุ่มจากคุณลักษณะที่มีร่วมกัน แล้วสุ่มตัวอย่างบางส่วนจากแต่ละกลุ่มย่อย ในขณะที่ Cluster sampling จะแบ่งประชากรเป็นกลุ่มย่อย (Cluster) ที่ไม่จำเป็นต้องมีคุณลักษณะที่เหมือนกัน แล้วสุ่มจากทั้งกลุ่มแทน โดยจะเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่อาจจะไม่มีข้อมูลลึกถึงในระดับที่สามารถจำแนกกลุ่มได้
Stratified sampling แตกต่างจาก Quota sampling อย่างไร?
Quota sampling เป็นวิธีที่กำหนดสัดส่วนในกลุ่มตัวอย่างล่วงหน้า แล้วเลือกผู้ตอบแบบสอบถามอย่างไม่สุ่ม (Non-random) ให้ครบตามโควตา ในขณะที่ Stratified sampling ใช้การสุ่มจริงภายในแต่ละกลุ่มย่อย ทำให้ลดโอกาสการเกิดอคติลง และเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลให้มากกว่าการเลือกแบบโควต้า
ข้อดีของการสุ่มแบบแบ่งชั้น
- เพิ่มความแม่นยำ เพราะทุก Segment มีตัวแทนในจำนวนที่เหมาะสม
- ลดอคติ ช่วยให้กลุ่มย่อยที่มักถูกมองข้าม ได้มีสิทธิ์มีเสียงในงานวิจัย
- ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ไม่จำเป็นต้องใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ
- วิเคราะห์ข้อมูลได้ละเอียดมากขึ้น เพราะสามารถเห็นพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มได้อย่างชัดเจน
ข้อจำกัดของการใช้ Stratified sampling
- ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียดก่อน จึงจะสามารถแบ่งกลุ่มได้อย่างเหมาะสม
- ขั้นตอนการดำเนินงานซับซ้อนกว่าวิธีอื่น และต้องคำนวณสัดส่วนตัวอย่างของแต่ละกลุ่มอย่างละเอียด
- หากแบ่งสัดส่วนผิด อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยคลาดเคลื่อนได้
รูปแบบของ Stratified sampling
- Stratified sandom sampling แบ่งกลุ่มก่อน แล้วสุ่มผู้ตอบจากแต่ละกลุ่มตามจำนวนที่กำหนด
- Proportional stratified sampling เลือกกลุ่มตัวอย่างตามสัดส่วนของประชากรจริง เช่น ถ้า 60% เป็นพนักงานขาย ก็สุ่มให้กลุ่มนี้มีสัดส่วน 60% ในกลุ่มตัวอย่าง
- Disproportional stratified sampling เลือกกลุ่มย่อยที่มีขนาดเล็กให้มากกว่าสัดส่วนจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลมากพอสำหรับวิเคราะห์ เช่น ผู้บริหารที่มีเพียง 5% ของพนักงานทั้งหมด
ขั้นตอนการทำ Stratified sampling
- กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ระบุให้ชัดว่ากลุ่มไหนคือกลุ่มที่ต้องการศึกษา
- แบ่งกลุ่มย่อย (Strata) โดยใช้เกณฑ์ที่มีร่วมกันในกลุ่ม เช่น อายุ รายได้ พฤติกรรมการซื้อ
- กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง คำนวณตามสัดส่วนหรือความสำคัญของแต่ละกลุ่ม
- จัดทำ Sampling frame รวบรวมรายชื่อของทุกคนในแต่ละกลุ่มย่อย เพื่อนำมาสุ่มเลือก
- สุ่มตัวอย่างจากแต่ละ Strata ใช้การสุ่มแบบ Random เพื่อความเป็นธรรม
- เก็บข้อมูลและวิเคราะห์ โดยต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้ครอบคลุมครบทุก Segment
งานวิจัยประเภทใดที่เหมาะกับ Stratified sampling
- งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประชากรที่มีความหลากหลายสูง เช่น อายุ รายได้ ภูมิภาค
- งานวิจัยที่ต้องการเปรียบเทียบพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน
- งานวิจัยที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น การวิจัยในภาคการศึกษา สาธารณสุข หรือหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ
Stratified sampling เป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำ Market research โดยเฉพาะในบริบทที่กลุ่มประชากรเป้าหมายมีความหลากหลายสูง โดยหากดำเนินการวิจัยด้วยวิธีนี้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ก็จะช่วยให้ผู้วิจัยได้ Insight ที่น่าเชื่อถือ สะท้อนภาพรวมที่แท้จริงของผู้บริโภค และสามารถนำไปใช้วางกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
Milieu เป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ Online Survey และ Market Research จากสิงคโปร์ ที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ด้วยเทคนิคการทำ Sampling ที่มีประสิทธิภาพ ติดตาม กลยุทธ์แบบ Data-driven พร้อมอัปเดตงานวิจัย และ Insight ล่าสุดจากทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่นี่