ในโลกที่การตัดสินใจมักได้รับการชี้นำโดยข้อมูลมากกว่าสัญชาตญาณ การสำรวจวิจัยตลาดจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับความสำเร็จ แต่การดำเนินการสำรวจวิจัยตลาดนั้นต้องทำอะไรบ้าง? และทำไมมันถึงสำคัญ?
การสำรวจวิจัยตลาดออนไลน์หรือออฟไลน์ ช่วยให้มองเห็นข้อมูลประชากร ความต้องการของผู้บริโภค ความเชื่อ และพฤติกรรมการซื้อ ตัวอย่างเช่น การสำรวจอาจเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการรับรู้แบรนด์หรือวัดความต้องการสินค้าใหม่
การสำรวจเหล่านี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการวิจัยเบื้องต้น ช่วยให้คุณได้รับตัวเลขที่ชัดเจนและเกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นฐานในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลการสำรวจอาจแสดงให้เห็นว่าลูกค้าในบางภูมิภาคยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่าง ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาได้อย่างเหมาะสม
การสำรวจวิจัยตลาดช่วยเปิดเผยทุกสิ่งตั้งแต่ความพึงพอใจของลูกค้าไปจนถึงปฏิกิริยาของผู้บริโภคต่อโฆษณาของคุณ การรวบรวมข้อมูลประชากร ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจกลุ่มประชากรต่างๆ
การสำรวจการรับรู้แบรนด์คือหน้าต่างสู่การรับรู้ของผู้บริโภค ความถี่ในการใช้งาน และการเปรียบเทียบคุณกับคู่แข่ง ข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อต้องทำความเข้าใจภาพลักษณ์ของแบรนด์ของคุณและตัดสินใจทางการตลาดอย่างชาญฉลาด
การสำรวจวิจัยตลาด ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าของคุณโดยตรง ผ่านการสำรวจความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ คุณสามารถเรียนรู้สิ่งที่ลูกค้าชอบ ไม่ชอบ และต้องการการปรับปรุงอะไรบ้าง ฟีดแบ็คนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ประสบความสำเร็จ
การสำรวจวิจัยตลาดสามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่บริษัทเพื่อใช้ในการตัดสินใจสำคัญ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหมาย นักวิจัยตลาดจำเป็นต้องเลือกประเภทของการสำรวจที่ถูกต้องตามกลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายการวิจัยโดยรวม
การสำรวจออนไลน์ สามารถทำได้หลายแบบ แบบหนึ่งที่ต้องการได้ความแม่นยำมาก คือการทำสำรวจจาก Online Panel หรือชุมชนกลุ่มตัวอย่าง ที่สามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก มีประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการวิจัยตลาด และมีหลายเหตุผลที่หลายธุรกิจเลือกใช้ Online Panel:
ด้วยการสำรวจทางไปรษณีย์เป็น research platform แบบหนึ่งที่แบบสอบถาม จะถูกส่งโดยตรงไปยังบ้านของผู้เข้าร่วม ผู้เข้าร่วมจะทำการสำรวจและส่งกลับไปยังบริษัท
แม้ว่าวิธีนี้จะดูเหมือนเป็นวิธีที่ล้าสมัย แต่มันช่วยให้นักวิจัยตลาดสามารถเน้นกลุ่มประชากรตามภูมิภาคและเข้าถึงผู้คนที่อาจจะไม่ได้อยู่ใน Online Panel หรือเป็นกลุ่มที่หาได้ยาก
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสียที่ชัดเจนบางประการในแบบนี้ ประการแรก คือ การกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกลุ่มตัวอย่างส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์กลับคืนมาย่อมยาก และไม่มีทางที่จะรับประกันได้ว่าตัวอย่างที่ตอบกลับนั้นเป็นตัวแทนที่แท้จริง นอกจากนี้ กระบวนการนี้ยังช้ากว่าวิธีการอื่นๆ อย่างมาก โดยเฉพาะการสำรวจทางออนไลน์
การสัมภาษณ์แบบพบตัว ช่วยให้เกิดการสัมภาษณ์เชิงลึกและสามารถสังเกตสัญญาณที่ไม่ใช่คำพูด แม้ว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึก แต่ก็ใช้เวลามากและมีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอาจลังเลที่จะแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
การสำรวจทางโทรศัพท์เป็น research platform แบบหนึ่งที่ มีข้อดีที่เข้าถึงผู้คนได้ในวงกว้างทางภูมิศาสตร์ และสามารถชี้แจงคำถามได้แบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากผู้ตอบแบบสอบถามมักจะคัดกรองสาย อีกทั้งยังลังเลเนื่องจากการโทรหลอกลวงที่เพิ่มขึ้น และอาจมีข้อจำกัดในความซับซ้อนของคำถาม
ตอนนี้เราได้สำรวจประเภทของการสำรวจแล้ว มาเจาะลึกวิธีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพกันเลย
เริ่มต้นกระบวนการด้วยการกำหนดเป้าหมายการวิจัยที่ชัดเจน ให้ถามตัวเองว่าคุณต้องการหาคำตอบเรื่องอะไรบ้างจากการวิจัยครั้งนี้? ควรเจาะจงให้มากที่สุด ยิ่งละเอียด ยิ่งดี
ตัวอย่างของวัตถุประสงค์การวิจัยง่ายๆ
การรู้ว่าคุณต้องการค้นพบอะไร จะช่วยให้คุณออกแบบการสำรวจวิจัยตลาดที่มีประสิทธิภาพ
ก่อนที่คุณจะดำเนินการสำรวจ คุณจำเป็นต้องระบุว่าจะสำรวจกับใคร กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ คุณจะกำหนดเป้าหมายไปที่ลูกค้าปัจจุบันหรือไม่? หรือคุณหวังที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคกลุ่มใหม่?
หากคุณประสบปัญหาในขั้นตอนนี้ ให้กลับไปดูที่วัตถุประสงค์การวิจัยของคุณเป็นแนวทาง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเป้าหมายของคุณคือ การประเมินความเต็มใจของลูกค้าที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาที่กำหนด ด้วยเหตุนี้ คุณอาจกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ที่มีรายได้ที่มีกำลังซื้อสินค้านั้น หรือคุณอาจเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยแบ่งตามพื้นที่ที่สินค้ามีการกระจายไปเพื่อดูว่าพื้นที่ต่างๆ ตอบสนองต่อการสินค้านั้นอย่างไร
3. สร้างไทม์ไลน์การสำรวจ
กำหนดเวลาในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การเขียนแบบสอบถาม เวลาที่เริ่มส่งออกแบบสำรวจ และเวลาที่การรวบรวมข้อมูลจะสิ้นสุด
เวลาส่งผลต่ออัตราการตอบกลับและคุณภาพของข้อมูล - ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกที่จะส่งแบบสอบถามออนไลน์ตอนเที่ยงคืน อาจมีอัตราการตอบกลับต่ำกว่าการส่งแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างในตอนเช้า
4 กำหนดความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
หากเป็นไปได้ บริษัทต่างๆ ก็อยากจะสำรวจผู้บริโภคทุกคน แต่เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และค่าใช้จ่าย นักวิจัยการตลาดจึงสำรวจกลุ่มตัวอย่างเพื่อเป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมดแทน ถึงแม้ว่าข้อมูลที่ได้อาจไม่สะท้อนถึงทุกคนในประชากรอย่างสมบูรณ์ แต่เป้าหมายของเราคือ ทำให้ข้อมูลมีความเป็นตัวแทน
ความแตกต่างระหว่างข้อมูลตัวอย่างของคุณกับ “ข้อมูลจริง” ที่จะได้หากสำรวจประชากรทั้งหมด เรียกว่า ความคลาดเคลื่อน (margin of error) ยิ่งความคลาดเคลื่อนมากเท่าไหร่ ความไม่แม่นยำของข้อมูลก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะนักวิจัยการตลาด คุณต้องตัดสินใจว่าความคลาดเคลื่อนใดที่คุณยอมรับได้ ค่านี้จะช่วยให้คุณกำหนดขนาดตัวอย่างที่เหมาะสม
5. การออกแบบแบบสอบถาม และการส่งออกแบบสอบถาม (Research platform)
แบบสอบถามที่ออกแบบมาอย่างรอบคอบ = การวางโครงสร้างการสำรวจที่มีคำถามครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย และไม่ชี้นำ รวมไปถึงการออกแบบให้ใช้งานง่ายและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practic) เช่น การรักษาระยะเวลาการทำแบบสอบถามให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามไม่ล้า คำถามเข้าใจง่าย หากพลาดจุดต่างๆที่กล่าวมา คุณอาจจะได้รับข้อมูลที่ biased response
เมื่อแบบสอบถามพร้อม คุณก็สามารถเลือกช่องทางการปล่อยแบบสอบถามนั้นได้ หากเป็น Milieu Canvas คุณจะสามารถเลือกช่องทางการส่งออกได้หลายช่องทาง พร้อมดูผลการตอบกลับแบบเรียลไทม์อย่างง่ายดาย
6. วิเคราะห์ข้อมูล
ตอนนี้คุณได้รวบรวมคำตอบอันมีค่ามากมายแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลก็สามารถทำได้หลายรูปแบบตามถนัดแต่ด้วย Canvas by Milieu คุณจะสามารถวิเคราะห์และ ดึงข้อมูลเชิงลึกที่มีความหมายพร้อมตรวจสอบความมีนัยยะสำคัญของข้อมูลได้ทันที (เช่น การเปรียบเทียบกับข้อมูลใน segment หรือ sub-group ที่แตกต่างกัน เช่น ชายเทียบกับหญิงเทียบกับประชากรทั่วไป หรือ Millennials vs. Gen X เป็นต้น) ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเชิงข้อมูลและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับธุรกิจของคุณ
ในโลกที่การตัดสินใจมักได้รับการชี้นำโดยข้อมูลมากกว่าสัญชาตญาณ การสำรวจวิจัยตลาดจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับความสำเร็จ แต่การดำเนินการสำรวจวิจัยตลาดนั้นต้องทำอะไรบ้าง? และทำไมมันถึงสำคัญ?
การสำรวจวิจัยตลาดออนไลน์หรือออฟไลน์ ช่วยให้มองเห็นข้อมูลประชากร ความต้องการของผู้บริโภค ความเชื่อ และพฤติกรรมการซื้อ ตัวอย่างเช่น การสำรวจอาจเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการรับรู้แบรนด์หรือวัดความต้องการสินค้าใหม่
การสำรวจเหล่านี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการวิจัยเบื้องต้น ช่วยให้คุณได้รับตัวเลขที่ชัดเจนและเกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นฐานในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลการสำรวจอาจแสดงให้เห็นว่าลูกค้าในบางภูมิภาคยินดีที่จะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่าง ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาได้อย่างเหมาะสม
การสำรวจวิจัยตลาดช่วยเปิดเผยทุกสิ่งตั้งแต่ความพึงพอใจของลูกค้าไปจนถึงปฏิกิริยาของผู้บริโภคต่อโฆษณาของคุณ การรวบรวมข้อมูลประชากร ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจกลุ่มประชากรต่างๆ
การสำรวจการรับรู้แบรนด์คือหน้าต่างสู่การรับรู้ของผู้บริโภค ความถี่ในการใช้งาน และการเปรียบเทียบคุณกับคู่แข่ง ข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่อต้องทำความเข้าใจภาพลักษณ์ของแบรนด์ของคุณและตัดสินใจทางการตลาดอย่างชาญฉลาด
การสำรวจวิจัยตลาด ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าของคุณโดยตรง ผ่านการสำรวจความคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ คุณสามารถเรียนรู้สิ่งที่ลูกค้าชอบ ไม่ชอบ และต้องการการปรับปรุงอะไรบ้าง ฟีดแบ็คนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ประสบความสำเร็จ
การสำรวจวิจัยตลาดสามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่บริษัทเพื่อใช้ในการตัดสินใจสำคัญ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความหมาย นักวิจัยตลาดจำเป็นต้องเลือกประเภทของการสำรวจที่ถูกต้องตามกลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายการวิจัยโดยรวม
การสำรวจออนไลน์ สามารถทำได้หลายแบบ แบบหนึ่งที่ต้องการได้ความแม่นยำมาก คือการทำสำรวจจาก Online Panel หรือชุมชนกลุ่มตัวอย่าง ที่สามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก มีประโยชน์มากมายสำหรับธุรกิจที่ดำเนินการวิจัยตลาด และมีหลายเหตุผลที่หลายธุรกิจเลือกใช้ Online Panel:
ด้วยการสำรวจทางไปรษณีย์เป็น research platform แบบหนึ่งที่แบบสอบถาม จะถูกส่งโดยตรงไปยังบ้านของผู้เข้าร่วม ผู้เข้าร่วมจะทำการสำรวจและส่งกลับไปยังบริษัท
แม้ว่าวิธีนี้จะดูเหมือนเป็นวิธีที่ล้าสมัย แต่มันช่วยให้นักวิจัยตลาดสามารถเน้นกลุ่มประชากรตามภูมิภาคและเข้าถึงผู้คนที่อาจจะไม่ได้อยู่ใน Online Panel หรือเป็นกลุ่มที่หาได้ยาก
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสียที่ชัดเจนบางประการในแบบนี้ ประการแรก คือ การกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกลุ่มตัวอย่างส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์กลับคืนมาย่อมยาก และไม่มีทางที่จะรับประกันได้ว่าตัวอย่างที่ตอบกลับนั้นเป็นตัวแทนที่แท้จริง นอกจากนี้ กระบวนการนี้ยังช้ากว่าวิธีการอื่นๆ อย่างมาก โดยเฉพาะการสำรวจทางออนไลน์
การสัมภาษณ์แบบพบตัว ช่วยให้เกิดการสัมภาษณ์เชิงลึกและสามารถสังเกตสัญญาณที่ไม่ใช่คำพูด แม้ว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึก แต่ก็ใช้เวลามากและมีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอาจลังเลที่จะแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
การสำรวจทางโทรศัพท์เป็น research platform แบบหนึ่งที่ มีข้อดีที่เข้าถึงผู้คนได้ในวงกว้างทางภูมิศาสตร์ และสามารถชี้แจงคำถามได้แบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากผู้ตอบแบบสอบถามมักจะคัดกรองสาย อีกทั้งยังลังเลเนื่องจากการโทรหลอกลวงที่เพิ่มขึ้น และอาจมีข้อจำกัดในความซับซ้อนของคำถาม
ตอนนี้เราได้สำรวจประเภทของการสำรวจแล้ว มาเจาะลึกวิธีการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพกันเลย
เริ่มต้นกระบวนการด้วยการกำหนดเป้าหมายการวิจัยที่ชัดเจน ให้ถามตัวเองว่าคุณต้องการหาคำตอบเรื่องอะไรบ้างจากการวิจัยครั้งนี้? ควรเจาะจงให้มากที่สุด ยิ่งละเอียด ยิ่งดี
ตัวอย่างของวัตถุประสงค์การวิจัยง่ายๆ
การรู้ว่าคุณต้องการค้นพบอะไร จะช่วยให้คุณออกแบบการสำรวจวิจัยตลาดที่มีประสิทธิภาพ
ก่อนที่คุณจะดำเนินการสำรวจ คุณจำเป็นต้องระบุว่าจะสำรวจกับใคร กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ คุณจะกำหนดเป้าหมายไปที่ลูกค้าปัจจุบันหรือไม่? หรือคุณหวังที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคกลุ่มใหม่?
หากคุณประสบปัญหาในขั้นตอนนี้ ให้กลับไปดูที่วัตถุประสงค์การวิจัยของคุณเป็นแนวทาง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเป้าหมายของคุณคือ การประเมินความเต็มใจของลูกค้าที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ในราคาที่กำหนด ด้วยเหตุนี้ คุณอาจกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ที่มีรายได้ที่มีกำลังซื้อสินค้านั้น หรือคุณอาจเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยแบ่งตามพื้นที่ที่สินค้ามีการกระจายไปเพื่อดูว่าพื้นที่ต่างๆ ตอบสนองต่อการสินค้านั้นอย่างไร
3. สร้างไทม์ไลน์การสำรวจ
กำหนดเวลาในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การเขียนแบบสอบถาม เวลาที่เริ่มส่งออกแบบสำรวจ และเวลาที่การรวบรวมข้อมูลจะสิ้นสุด
เวลาส่งผลต่ออัตราการตอบกลับและคุณภาพของข้อมูล - ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกที่จะส่งแบบสอบถามออนไลน์ตอนเที่ยงคืน อาจมีอัตราการตอบกลับต่ำกว่าการส่งแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างในตอนเช้า
4 กำหนดความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
หากเป็นไปได้ บริษัทต่างๆ ก็อยากจะสำรวจผู้บริโภคทุกคน แต่เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องของเวลา และค่าใช้จ่าย นักวิจัยการตลาดจึงสำรวจกลุ่มตัวอย่างเพื่อเป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมดแทน ถึงแม้ว่าข้อมูลที่ได้อาจไม่สะท้อนถึงทุกคนในประชากรอย่างสมบูรณ์ แต่เป้าหมายของเราคือ ทำให้ข้อมูลมีความเป็นตัวแทน
ความแตกต่างระหว่างข้อมูลตัวอย่างของคุณกับ “ข้อมูลจริง” ที่จะได้หากสำรวจประชากรทั้งหมด เรียกว่า ความคลาดเคลื่อน (margin of error) ยิ่งความคลาดเคลื่อนมากเท่าไหร่ ความไม่แม่นยำของข้อมูลก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะนักวิจัยการตลาด คุณต้องตัดสินใจว่าความคลาดเคลื่อนใดที่คุณยอมรับได้ ค่านี้จะช่วยให้คุณกำหนดขนาดตัวอย่างที่เหมาะสม
5. การออกแบบแบบสอบถาม และการส่งออกแบบสอบถาม (Research platform)
แบบสอบถามที่ออกแบบมาอย่างรอบคอบ = การวางโครงสร้างการสำรวจที่มีคำถามครอบคลุมตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย และไม่ชี้นำ รวมไปถึงการออกแบบให้ใช้งานง่ายและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practic) เช่น การรักษาระยะเวลาการทำแบบสอบถามให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามไม่ล้า คำถามเข้าใจง่าย หากพลาดจุดต่างๆที่กล่าวมา คุณอาจจะได้รับข้อมูลที่ biased response
เมื่อแบบสอบถามพร้อม คุณก็สามารถเลือกช่องทางการปล่อยแบบสอบถามนั้นได้ หากเป็น Milieu Canvas คุณจะสามารถเลือกช่องทางการส่งออกได้หลายช่องทาง พร้อมดูผลการตอบกลับแบบเรียลไทม์อย่างง่ายดาย
6. วิเคราะห์ข้อมูล
ตอนนี้คุณได้รวบรวมคำตอบอันมีค่ามากมายแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลก็สามารถทำได้หลายรูปแบบตามถนัดแต่ด้วย Canvas by Milieu คุณจะสามารถวิเคราะห์และ ดึงข้อมูลเชิงลึกที่มีความหมายพร้อมตรวจสอบความมีนัยยะสำคัญของข้อมูลได้ทันที (เช่น การเปรียบเทียบกับข้อมูลใน segment หรือ sub-group ที่แตกต่างกัน เช่น ชายเทียบกับหญิงเทียบกับประชากรทั่วไป หรือ Millennials vs. Gen X เป็นต้น) ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเชิงข้อมูลและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับธุรกิจของคุณ