Blog
Industri

รู้จักกลยุทธ์ Social Commerce จับพฤติกรรม ทำธุรกิจให้ได้กำไร และเข้าใจลูกค้า

Written on:
June 10, 2024
Milieu Team

ใครๆ ก็รู้ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคทองของอินเทอร์เน็ตที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมในระดับโลก แต่ในทางกลับกัน เรายังแทบไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่การค้าผ่านสังคมออนไลน์ในยุคนี้สามารถจะไปถึง ในขณะที่บางแบรนด์ตระหนักถึงความสำคัญของโซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของการตลาด แต่บางแบรนด์ยังไม่เข้าใจความสำคัญและสิ่งที่แบรนด์จะเผชิญจากการเปลี่ยนแปลงของโซเชียลมีเดียได้เท่าที่ควร

ซึ่งหากมองสถานการณ์ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ไม่าว่าจะในประเทศไทย หรือบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของเราเอง เราจะพบว่าสื่อโซเชียลมีเดียได้เปลี่ยนแปลงจากการเป็นแค่ “แหล่งสร้างความบันเทิง” สู่ช่องทางหลักที่คนจะเข้ามาค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ เปรียบเทียบแบรนด์หนึ่งกับอีกแบรนด์ หรือแม้แต่การประเมินว่าจะซื้อสินค้าชิ้นไหน ด้วยพฤติกรรมของชาวอาเซียนที่ใช้เวลาในโซเชียลมีเดียกันอย่างหนัก ทั้งการเล่นมือถือตลอดทั้งวัน มีการช้อปปิ้งผ่าน TikTok Shop ไปจนถึง Instagram Checkout ทำให้ตลาดโซเชียลมีเดียในภูมิภาคนี้มีความโดดเด่น ล่อตาล่อใจบรรดาแบรนด์ที่อยากเข้ามาเพิ่มยอดขายผ่านการดึงดูดผู้ใช้งานและกระตุ้นการขายในแอปโซเชียลมีเดียต่างๆ

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กลยุทธ์อีคอมเมิร์ซของแบรนด์ที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในยุคนี้ จะต้องค้นหาวิธีในการผสมการตลาดของแบรนด์เข้ากับประสบการณ์ดิจิทัลได้อย่างราบรื่น เพื่อให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีที่สุด

การมาของ Social Commerce สู่โอกาสของธุรกิจที่ไร้จุดสิ้นสุด 

Social Commerce เป็นการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มบนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้ขายและผู้ซื้อมีความสะดวกในการซื้อขายไปพร้อมกัน ซึ่งจุดเด่นของการขายบนโซเชียลมีเดียไม่ใช่ช่องทางการขายที่ 'แค่ขายแล้วก็จบ' แบบร้านค้าในยุคก่อนๆ เพราะโซเชียลมีเดียสามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางการตลาดของแบรนด์ได้หลายอย่าง จากการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพและหลากหลาย จนทำให้ธุรกิจสามารถพบกับข้อได้เปรียบมากมายสำหรับการเติบโตในโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น:

  • แบรนด์ถูกค้นพบมากขึ้น: โซเชียลมีเดียกลายเป็นเครื่องมือค้นหาหลัก สำหรับผู้บริโภคจำนวนมาก และอาจจะมากกว่า Search Engine ในยุคนี้ด้วย ทำให้หลายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นแพลตฟอร์มที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับการค้นพบแบรนด์
  • ช่วยควบคุมกลุ่มเป้าหมาย: เพราะการที่ธุรกิจอยู่ในแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดการเข้าถึงแบรนด์ในระดับที่สูงและทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของลูกค้า เป็นจุดเด่นที่ทำให้เราสามารถควบคุมกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้ และวางแผนในการทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อธุรกิจได้
  • การกำหนดเป้าหมายที่คุ้มต้นทุน: ไม่ว่าจะเป็น Content Marketing ที่ประสบความสำเร็จได้แม้จะมีงบประมาณที่เล็ก และมีส่งผลต่อความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในระยะยาว

ความท้าทายที่ทำให้หลายแบรนด์ไปไม่รอด

ในขณะที่เรารู้แล้วว่าโซเชียลมีเดียและระบบการขายแบบ Social Commerce เป็นช่องทางที่ทำให้พบกับโอกาสมากมาย แต่การค้าขายผ่านโซเชียลก็กลายเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับธุรกิจบางราย ที่มีรูปแบบของแบรนด์ที่แตกต่าง มีความยากในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องจัดการกับความคิดเห็นของลูกค้า ซึ่งเป็นความท้าทายหลักที่หลายแบรนด์กำลังเผชิญ

ไม่ใช่แค่ความท้าทายเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของอัลกอริธึม ที่หลายธุรกิจต้องตามกฎและเอาใจทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่านเลยเพราะกว่า 50% ของธุรกิจบนโซเชียลมีเดียพบว่าการสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ท้าทาย แม้ว่าทุกธุรกิจจะสามารถโพสต์บนโซเชียลมีเดียให้บ่อยขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ความซับซ้อนของการตลาดบนโซเชียลมีเดียก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก เมื่อผู้ใช้งานเข้าใจเทคนิคการตลาดของแบรนด์มากขึ้น หรือ “รู้ทันแบรนด์” มากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ ธุรกิจอีกกว่า 48% ยังต้องพบกับการดิ้นรนเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของแพลตฟอร์มที่มีความรุนแรงมากขึ้น จากจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทำให้ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละกลุ่ม

กลยุทธ์ Social Commerce ให้ธุรกิจไปได้ไกลและประสบความสำเร็จ

จากเอกสารไวท์เปเปอร์ล่าสุดของ Ninja Van บริษัทโลจิสติกส์และจัดส่งพัสดุที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ได้มีการเสนอกลยุทธ์ "ลด ใช้ซ้ำ และรีไซเคิล" สำหรับการทำ Content Marketing บนโซเชียลมีเดีย โดยเป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับการจัดการกับความท้าทายหลักที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญ 

ลดความพยายามให้น้อยลง เพิ่มผลลัพธ์ให้สูงสุด:

  • ลดความซับซ้อนในการสร้างคอนเทนต์: ยิ่งคอนเทนต์ทำยาก ยิ่งใช้ไม่ได้ผล ให้ลองทำเทมเพลตสำหรับคอนเทนต์ที่สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ สำหรับการทำ Evergreen Content อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์จากเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-Generated Content) ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผลิตภัณฑ์
  • ฝ่ากระแสอัลกอริธึม: เมื่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีอัลกอริธึมที่โหดร้ายมากขึ้น การสร้างชุมชนแบรนด์ที่อยู่นอกเหนือจากแพลตฟอร์มโซเชียล จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าให้ลึกซึ้งได้มากยิ่งขึ้นและช่วยให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งการทำชุมชนแบรนด์ของตัวเองจะช่วยให้เราสามารถควบคุมการรับรู้ถึงแบรนด์และโต้ตอบกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

อย่าละเลย “เว็บไซต์” ที่เป็นเหมือนบ้านของคุณ:

แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะเป็นแพลตฟอร์มที่ครองตำแหน่งสูงสุดในการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ แต่เว็บไซต์ของแบรนด์ก็ยังคงเป็นฐานสำคัญใน Customer Journey ของลูกค้า ซึ่งการลงทุนกับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ที่ดีให้กับแบรนด์ ทั้งการขับเคลื่อนยอดขายในระยะสั้นและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

โอบรับอนาคต ควบคุมกระแส:

การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์ม Social Commerce ในปัจจุบัน ยังมีข้อดีที่ทำให้ธุรกิจเกิดโอกาสในการขยายอิทธิพลของแบรนด์และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายใต้กระแสที่เปลี่ยนแปลงไปของ Social Commerce ก็จำเป็นต้องมีกลยุทธ์เชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชุมชนของตัวแบรนด์เอง หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่แบรนด์สามารถเป็นผู้ควบคุมปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าได้ และเป็นการสร้างฐานที่ตั้งที่ปลอดภัยสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน

Siap untuk meningkatkan permainan wawasan Anda?

Mulai langkah awal menuju keunggulan data-driven
Hubungi Milieu Sekarang
Terima kasih, kami akan segera menghubungi Anda!
Ups! Ada yang tidak beres saat mengirimkan formulir.