แม้ว่าการเริ่มต้นของทศวรรษใหม่อย่าง 2020 นี้ จะมาพร้อมกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ส่งผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง เรียกได้ว่า เป็นโลกยุคก่อน และหลังโควิด-19 ก็ว่าได้ วิถีชีวิตที่ถูกบังคับให้เปลี่ยนไปมีทั้งในระดับบุคคล ที่เราต้องใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ รักษาความสะอาด การใช้พื้นที่สาธารณะ/พฤติกรรมเมื่อออกนอกบ้านไปไหนมาไหนก็ต้องระวังมากขึ้น ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) เมืองบางแห่งมีการปิดชั่วคราวเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ พ.ร.บ.ฉุกเฉินถูกบังคับใช้ เทคโนโลยีต่าง ๆ ก็เข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้น ธุรกิจในช่องทางออนไลน์ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง การเรียนก็ต้องเรียนผ่านทางออนไลน์ การทำงานที่ที่ต้องปรับมาทำที่บ้านแทนการไปที่ทำงาน ทั้งนี้ แม้ความเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แต่ตอนนี้คนส่วนใหญ่กว่า 86% ก็ชินกับการเปลี่ยนแปลงกันแล้ว แต่กลับมีคนเพียง 35% เท่านั้นที่ชอบการดำเนินชีวิตแบบใหม่นี้ เหตุผลที่คนชอบการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปนี้ดูเหมือนจะเป็นเพราะ โควิด-19ทำให้พวกเขาได้มีเวลามากขึ้น ทั้งได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น มีเวลาพักผ่อนมากกว่าเดิม มีโอกาสไปทำธุระส่วนตัวที่อาจไม่เคยได้มีเวลาหรือวันว่างไปทำมาก่อน แต่พอมีโควิด-19 กลับทำให้ชีวิตว่างขึ้นมาได้ ส่วนคนที่ไม่ชอบนั้น เป็นเพราะ โควิด-19กระทบโดยตรงกับค่าใช้จ่าย โควิด-19ทำให้รายรับน้อยลงแต่รายจ่ายกลับเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมีการปิดเมืองเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ไม่ได้เจอเพื่อน เจอครอบครัวเหมือนเดิม ก็ทำให้รู้สึกเครียดและเหงามากกว่าเดิม โทรมกว่าเดิม และยังได้ทำงานมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย