การกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอกว่า ที่เรียกว่า การบูลลี่ (Bully) อาจเป็นเรื่องสนุกของใครบางคน หรือคนบางกลุ่ม แต่อาจจะเป็นเรื่องราวฝังใจไปชั่วชีวิตของผู้ที่ถูกกระทำก็เป็นได้ จากผลสำรวจพบว่า มีถึง 68% จากคนทั้งหมดเลยที่เดียวที่เคยถูกบูลลี่จากคนอื่น และมี 56%ที่เคยบูลลี่คนอื่นด้วย ทั้งนี้ คนกว่า 30% เห็นตรงกันว่า ช่วงประถมต้นคือช่วงที่พบเจอการบูลลี่มากที่สุดถึงรองลงมาคือ ช่วงมัธยมต้น 29% ช่วงประถมปลายและมัธยมปลายมีประมาณ 18% ซึ่งต้นเหตุของการเริ่มบูลลี่กันน่าจะมาจากเพื่อนที่เลือกคบในช่วงเวลาต่าง ๆ อย่างในช่วงประถมต้น ก็เป็นช่วงเริ่มต้นของการเข้าสังคม เด็กจะเริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นในช่วงเวลานี้ การถูกชักจูงโดยเพื่อนจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก จนอาจพากันไปบูลลี่กลั่นแกล้ง รังแกคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พวกของเขาก็เป็นได้ ทั้งนี้ จากประสบการณ์ของคนที่เคยถูกบูลลี่มานั้น กว่า 46% ของคนที่ถูกบูลลี่ เลือกที่จะไม่ทำอะไรเลยกับการที่ตนถูกกลั่นแกล้ง และมักจะเก็บเรื่องราวนั้นไว้คนเดียว ซึ่งการเก็บเรื่องราวเอาไว้คนเดียวนี่คือการสร้างความอัดอั้นในชีวิตเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีถึง 41%ที่เลือกจะโต้ตอบกลับ ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเดียว ซึ่งการโต้ตอบกลับด้วยตัวเองก็ไม่ใช่วิธีที่ควรกระทำ เพราะอาจทำให้การถูกแกล้งรุนแรงขึ้นไปอีก มีแค่ประมาณ 13% เท่านั้นที่เลือกจะบอกครู หรือผู้ที่มีอำนาจให้ช่วยจัดการเรื่องราว และอีก 12% จะบอกพ่อแม่ หรือผู้ปกครองให้รับรู้ แม้เรื่องแบบนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เล่ายากสำหรับบางคน แต่จริง ๆ เราควรบอกเล่าเรื่องเหล่านี้กับผู้ปกครอง ครู หรือผู้ที่มีอำนาจให้ช่วยเข้ามาจัดการไกล่เกลี่ยแทน และอีก 7% จะบอกพี่น้อง หรือญาติที่สนิท และ1% จะย้ายออกจากโรงเรียน ซึ่งทั้งการกลั่นแกล้งผู้อื่นด้วยตัวเอง หรือแกล้งพร้อมเพื่อน หรือวิธีการรับมือกับการถูกแกล้งที่แตกต่างกันนี้ คงเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู และสนับสนุนของครอบครัว รวมถึงจากสังคมรอบตัวที่เป็นอยู่ การเลือกคบเพื่อน แอดมินคิดว่าใครที่ถูกบูลลี่เนี่ยอย่าได้เก็บเรื่องราวเอาไว้คนเดียวเลย ลองเล่าหรือระบายให้คนที่คุณรักและไว้ใจฟังบ้างค่ะ ส่วนคนที่เคยบูลลี่คนอื่น หรือกำลังทำอยู่ในช่วงนี้เลย แอดมินขอฝากไว้สักนิดว่า ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ ถ้าเราไม่อยากได้รับการกระทำที่ไม่ดีเราก็ไม่ควรรังแกคนอื่นนะคะ อย่าเข้าไปเป็นฝันร้ายในชีวิตของใครเลยค่ะ 😊